แสงแดดอันร้อนระอุทอดผ่านดินแดนอารยธรรมอันรกร้างและไร้ซึ่งมนุษย์อาศัยอยู่ มีเพียงเครื่องจักรโบราณที่หลบซ่อนอยู่แทบทุกอณูบริเวณแห่งนี้ ความลึกลับที่กำลังส่งเสียงเรียกให้นักสำรวจและนักผจญภัยผู้กล้าหาญเดินทางข้ามมิติเวลามุ่งสู่อาณาจักรโบราณอันเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่ามอนสเตอร์รูปร่างประหลาดและไม่เคยพบเห็นที่ใดมาก่อน เสียงคำรามอันน่าหวาดหวั่นและสายฟ้าสีทองของวิหคยนต์เปล่งประกายขึ้นจากท้องฟ้า เตรียมลงทัณฑ์ผู้บุกรุกด้วยอานุภาพรุนแรง !!! ชื่อของดินแดนลึกลับนี้ มีนามว่า... "อาโธรัคซีออน : บามาเคีย" !!!
ความท้าทายใหม่ที่ถูกร่อนเชิญให้กับเหล่านักผจญภัย นำพาให้เราและเพื่อนได้ร่วมเดินทางไปพร้อมกันเพียง 2 คน !!! ด้วยความที่ไม่รู้ว่าเควสที่ได้ทำนั้นจะนำพาเราเข้าไปสู่ดินแดนลึกลับแห่งนั้นโดยไม่ทันตั้งตัว เมื่อได้ลองทอดมองไปยังเบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยเหล่าสิ่งก่อสร้างรูปร่างประหลาด ก็พลันมีสายฟ้าผ่าลงมา ปรากฎเป็นเหล่ามอนสเตอร์โบราณบุกเข้าโจมตีเราสองคนทันที !
สัญชาตญาณนักสู้ถูกปลุกขึ้นก่อนจะใช้อาวุธฟาดฟันศัตรูอย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้ เพียงแค่วิ่งมาหยุดตรงเครื่องส่งสัญญาณ มันก็ปล่อยสมุนอันแข็งแกร่งลงมาต่อสู้กับเราอย่างไม่หยุดยั้ง หนึ่งในนั้นมีหัวหน้าใหญ่ที่เก็บซ่อนไอเทม 'หนามเยือกเย็นแห่งบาอาร์' เอาไว้ คราวที่มันล้มลงพ่ายแพ้ เราทั้งสองจึงได้ของชิ้นนี้มาแล้วออกเดินทางกันต่อ...
หลังจากนั้นไม่นาน เราได้พบกับมนุษย์ที่เดินทางเข้ามายังดินแดนแห่งนี้เช่นเดียวกัน เขาเป็นคุโนอิชินามว่า 'ขนมปังสังขยา' เมื่อได้พูดคุยกันก็ตกลงร่วมเดินทางไปด้วยกันต่ออย่างง่ายดาย
ภายในดันเจี้ยน นอกจากจะมีเหล่ามอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งแล้ว ยังมีปริศนาจากคนโบราณที่ได้คิดค้นกลไกและกับดักเอาไว้ ทำให้เราต้องใช้ไหวพริบในการแก้ปริศนาแต่ละด่านอย่างยากลำบาก แม้จะถนัดจับอาวุธมาต่อสู้มากกว่า แต่เรื่องการใช้ความคิดนั้นก็แทบจะพึ่งพา Sense ค่อนข้างมาก
จนกระทั่ง....
เราสามคนได้มาเจอเข้ากับลานพิธีอะไรสักอย่าง ซึ่งมีอาวุธโบราณสภาพเก่าแก่ประจำตำแหน่งตรงกลางแท่น โดยมีอีก 3 แท่นยื่นออกมาคล้ายให้นำวัตถุบางอย่างไปวางเอาไว้ได้ เพื่อนของเราอาสาเดินเข้าไปเปิดกลไก ก่อนที่อาวุธโบราณจะเริ่มขยับตัวแล้วใช้ดาบกับโล่ของตนเหวี่ยงฟาดไปอย่างสะเปะสะปะ สร้างความมึนงงให้กับพวกเราเป็นอย่างมากก ด่านที่ผ่านมาอันเป็นตราชั่งยังพอเข้าใจเทคนิค แต่กับด่านนี้คือจนปัญญาจริงๆ ทั้งเราและเพื่อนต่างหาวิธีผ่านกันอย่างเคร่งเครียด ในขณะที่เจ้าตัวอาวุธโบราณก็ยังคงทำท่าประหลาด 3 แบบ สลับกันไปมาทุกรอบ
เมื่อเพื่อนเรานึกอะไรบางอย่างออก หลังจากสังเกตเห็นควันปรากฎขึ้นบนแท่นอันหนึ่งเข้า ในจังหวะที่เราเผลอวิ่งขึ้นไปเหยียบอย่างไม่ตั้งใจ จึงลองทบทวนท่าทางของเจ้าอาวุธโบราณอีกครั้ง ท่าของมันจะแสดงออกมาเพียง 3 แบบเท่านั้น และสลับวนไปเรื่อยๆ ในแต่ละรอบ เราจึงลองแทนท่าของมันด้วยตัวเลข 1 2 3 ก่อนจะลองนั่งจับสังเกตของมันอย่างตั้งใจ
คล้ายว่าเราจะเริ่มมาถูกทาง แต่อาวุธโบราณตัวนั้นกลับทิ้งตัวกลับไปแน่นิ่งเช่นเดิม ทำให้เราทั้งสามถึงกับเป็นท้อและคิดจะล้มเลิกภารกิจไปกลางครัน เนื่องจากเสียเวลากับด่านนี้มาร่วมชั่วโมงแล้ว เพื่อนของเราจึงตัดสินใจนำภาพบรรยากาศไปป่าวประกาศในบอร์ด Social อันเป็นแหล่งรวมเหล่านักผจญภัยโลก Black Desert TH เพื่อขอความช่วยเหลือ แม้จะมีผู้มีน้ำใจแวะเวียนเอามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างเป็นมิตร แต่ก็ไม่ทำให้ปริศนาของเรากระจ่างเลยสักทีเดียว ยิ่งดึกผู้คนที่ผ่านไปมาในดันเจี้ยนก็ค่อยๆ เบาบางและเงียบหายไปในที่สุด เราจึงบอกลาคุณขนมปังสังขยาและแยกย้ายกันไป
ทว่า ! ความพยายามของเพื่อนเรายังไม่หมด จึงลองทฤษฎีเดิมอีกครั้ง เผื่อว่าจะจับความผิดปกติของเงื่อนไขด่านนี้ได้ แต่ก็ไม่เป็นผล ขณะที่เราทั้งสองเริ่มถอดใจและคิดจะกลับสู่ดินแดนที่จากมา ก็ได้ปรากฎสาวร่างบางสวมชุดกิโมโนสีชมพูหวานยืนประจันหน้าพวกเราทั้งสองคน เขาแนะนำตัวด้วยชื่อบนหัวว่า 'Sayae' โดยไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรให้เสียเวลา เขาอาสาที่จะช่วยเหลือเราสองคนในทันทีแล้วเดินไปคุยกับแท่นลูกแก้วก่อนที่อาวุธโบราณจะขยับตัวขึ้นอีกครั้ง !!!
เขาสอนเราว่า "ให้ดูท่าทางของมันแล้วจดจำหมายเลขไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นก็ให้ใครคนหนึ่งขึ้นไปยืนบนแท่นตามเลขที่ได้บันทึกเอาไว้ ซึ่งเจ้าอาวุธโบราณจะทำท่าเดียวกับหมายเลขที่เราไปยืน"
คุณ Sayae ได้ทำให้เราดู 1 ครั้ง ก่อนจะให้เราทั้งสองได้ทดลองทฤษฎีนี้ดูทีละคน เพียงไม่นานก็เข้าใจเงื่อนไขของด่านนี้ได้อย่างถ่องแท้ เราทั้งสองกล่าวขอบคุณ Witch สาวน้อยอย่างสุดซึ้ง ก่อนที่เขาจะหายตัวไปจากลานบูชาอย่างไร้ร่องร่อย...
เราทั้งสองเดินทางมาถึงด่าน 4 เสาประหลาด ที่ถูกแกะสลักเป็นอักขระโบราณบางอย่าง พร้อมกับแท่นลูกแก้วเหมือนด่านเจ้าอาวุธโบราณนั้นไม่มีผิด เพื่อนของเราเดินเข้าไปคุย ก่อนจะเห็นลูกไฟสีแดง และ สีฟ้า ปรากฎขึ้นบนยอดเสาสลับกันไป เราจึงใช้วิธีเดิมในการจดจำตำแหน่งของไฟแต่ละครั้งแล้วเดินเข้าไปคุยกับเสาเหล่านั้นทีละต้นจนผ่าน !!!
แต่แล้ว พวกเราสองคนก็มาถึงทางตัน เพราะด่านต่อไปจำเป็นต้องใช้สมาชิก 5 คนในการผ่านด่านนี้ ซึ่งในตอนนั้นมันก็ดึกมากแล้ว ทำให้เราต้องล้มเลิกภารกิจกันอย่างห้ามไม่ได้...
3 วันต่อมา.....
หลังจากได้รวมตัวสมาชิกเพื่อนอีก 4 คน เพื่อร่วมเดินทางมาพิชิตอาณาจักรนี้กันอีกครั้ง จนมาถึงด่านที่ต้องใช้สมาชิก 5 คนในการผ่าน โดยต้องต่อสู้กับหัวหน้ามอนสเตอร์ชื่อ 'คราเทน' สุดแกร่ง! เพื่อนำบัตรผ่านมาใช้ในการผ่านด่านเข้าไปยังจ้าวแห่งบามาเคียในห้องด้านในสุด การต่อสู้ที่ดุเดือดและนองเลือดแปดเปื้อนผืนทรายสีทองส่งกลิ่นคาวคลุ้งไปทั่วบริเวณ สถานที่แห่งนี้หากนักผจญภัยที่ยังขาดความเชื่อมั่นและความแน่วแน่ มักจะมาจบชีวิตลงที่นี่เป็นจำนวนมาก !!!
ความสามัคคีและพลังที่แข็งแกร่ง เราก็สามารถล้มเจ้าคราเทนลงได้ ไอเทมที่ได้จากมันถูกนำมาผลิตเป็นกุญแจเพื่อเดินทางเข้าสู่วิหารอันเป็นที่อยู่ของ 'อาเทน' การผ่านด่านนี้จำเป็นจะต้องมีคนคอยยืนล่อมอนสเตอร์ตามตำแหน่งเสา เมื่อไหร่ก็ตามที่ปรากฎชื่อเสาใดเสาหนึ่ง ให้สมาชิกรีบทำลายเสานั้นทันที แล้วพลังของอาเทนจะอ่อนแอลงเป็นอย่างมาก
เจ้าอาเทนได้ล้มลงต่อหน้าพวกเรา ชัยชนะนั้นอยู่เพียงหลังบานประตูถัดไปเท่านั้น เราทั้ง 5 คนเดินทางต่อเข้าไปยังตัววิหารด้านในสุดแห่งบามาเคีย มีร่างของสัตว์ประหลาด 2 ขาคล้ายกับไดโนเสาร์นามว่า 'อูร์คีออสแห่งการตัดสิน' กับ นักรบรูปร่างคล้ายมนุษย์นามว่า 'ลูเครเซีย' ยืนรอต้อนรับนักผจญภัยอย่างเราอยู่อย่างอบอุ่น !!!
เปิดฉากต่อสู้โดยที่สมาชิก 4 คนคอยดึงบอสทั้งสองตัวให้แยกออกจากกัน ส่วนคนสุดท้ายจะต้องคอยกำจัดลูกสมุนที่กำเนิดขึ้นมาช่วยเหลือหัวหน้าของพวกมันอย่างดุเดือด เมื่อเลือดของบอสทั้งสองมาถึงจุดที่กำหนด มันจะรวมร่างกันและแสดงอานุภาพถึงขีดสุดให้พวกเราได้เห็น !!!!!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
อาโธรัคซีออน หรือ สวรรค์แห่งอาโทร อันเป็นดินแดนใหม่ที่ถูกค้นพบขึ้น ก่อนที่จะมีเหล่านักผจญภัยได้เข้ามาสัมผัสความหฤโหดและความท้าทายจากการผจญภัยในโลกทะเลทรายสีดำ สมบัติที่มีค่าภายในนี้ ยังไม่เท่าการที่ได้นำพามิตรภาพระหว่างทาง และ พลังความร่วมมือกันระหว่างนักผจญภัย เป็นดันเจี้ยนที่จำเป็นต้องใช้ความสามัคคีเป็นอย่างมาก แม้พลาดเพียงนิดเดียวก็หมายถึงชีวิตได้เลย !!
สุดท้ายนี้ เราขอขอบคุณ Maxdog , Teamtor , Piatraz และ RavenAbyssWalker สำหรับความเชื่อมั่นและไว้วางใจกัน ทำให้เราผ่านอาโธรัคซีออนมาได้อย่างสวัสดิภาพ ดันเจี้ยนแห่งนี้จะเป็นความทรงจำที่ดีสำหรับเราต่อไป....
แม้ทะเลทรายจะเหือดแห้งไปเพียงใด ก็ยังมีน้ำใจอันชุ่มฉ่ำของนักผจญภัยที่ต่างหยิบยื่นช่วยเหลือกันอย่างดี
v
v
v
v
v
ปล.ขอบคุณ ขนมปังสังขยา ที่ร่วมเดินทางไปกับเรา แม้จะไม่ได้ไปถึงฝั่งฝันร่วมกัน แต่หวังว่าคุณคงจะทำมันสำเร็จแล้ว...
ส่วนอีกคนที่ไม่ขอบคุณไม่ได้เลยคือ Sayae ที่มาช่วยไขปริศนาให้กับเราในช่วงเวลาอันแสนคับขัน ถือเป็นผู้มีพระคุณที่สร้างความกระจ่างในเงื่อนไขสุดพิลึกภายในอาโธรัคซีออนให้เราได้ทราบ (แนะนำช่องคุณ Sayae ให้นะ เข้าไปติดตามกันได้เลย) ขอบคุณจากใจสำหรับทุกคนจริงๆ ^^