THE WORLD CLASS MMORPG
The MMORPG, Black Desert ร่วมสนุกไปกับเนื้อหาที่หลากหลายในโลกอันกว้างใหญ่ตั้งแต่การต่อสู้และสงครามปิดล้อมที่สมจริง
ไปจนถึงการสำรวจ, การค้าขาย, การตกปลา, การฝึกสัตว์, การเล่นแร่แปรธาตุ, การทำอาหาร,
การรวบรวม และการล่าสัตว์ Black Desert ท้าทายขีดจำกัดของเกม MMORPG
ผ่านการ Remastering ทั้งด้านกราฟิกและระบบเสียง เพื่อความสมจริงที่สุด
STORY OF BLACK DESERT
แนะนำโลกเกม
แต่จิตใจของคนโบราณกลับอ่อนแอขึ้นเรื่อยๆ จากสิ่งที่ตนเองสร้างขึ้น จนในที่สุดอารยธรรมโบราณก็ได้สูญสลายไป
หินที่มีพลังมหาศาลนี้ ยังมีอยู่มากในทะเลทรายที่อยู่ระหว่างสาธารณรัฐคาลเพออนและราชอาณาจักรบาเลนเซีย
ชาวคาลเพออนเรียกแผ่นดินที่หินสีดำพวกนี้ฝังอยู่ว่า "ทะเลทรายสีดำ" และเริ่มสงครามเพื่อแย่งชิงทรัพยากรหินดำนี้ขึ้น
ในทางกลับกันราชอาณาจักรบาเลนเซีย ที่ได้สูญเสียทหารจำนวนมากไปในสงคราม ได้เรียกแผ่นดินแห่งนี้ที่มีเลือดของเหล่าทหารไหลรินลงว่า "ทะเลทรายสีแดง"
สงครามระหว่างสาธารณรัฐคาลเพออน เมืองแห่งการค้าและการลงทุน และราชอาณาจักรบาเลนเซีย เมืองแห่งระบบราชาธิปไตย
ได้ทำให้ความลับที่ถูกซ่อนไว้ในอารยธรรมโบราณกลับคืน ... ความลับนั้น คืออะไร ?
ขอต้อนรับทุกท่านสู่โลกของ Black Desert ที่ที่ท่านจะออกผจญภัยตามหาความจริงในอดีต
ตำนานคาลเพออน
หายนะที่เกิดจากก้อนเนื้อสีดำที่เน่าเสีย ซึ่งเกิดกับทุกคนโดยไม่มีข้อยกเว้น ผู้คนต่างเริ่มเฝ้าระวังตนเองและงดการไปมาหาสู่กัน คนที่ต้องสงสัยว่าได้รับโรคระบาดนี้ล้วนแต่ถูกส่งออกไปนอกปราสาท #1 ปีศักราชเอลีออนที่ 235 ราชวงศ์ที่ต้องทิ้งกระทั่งสายเลือดของตนเพราะติดโรคร้ายอันน่าอนาถ ตระกูลอันสูงส่งของเหล่านักบวช ตำแหน่งพวกนั้นไม่สามารถช่วยอะไรได้ สำหรับชาวบ้านธรรมดาที่ถูกขับไล่ล้วนแล้วแต่ต้องตายลง อย่างน่าเวทนาด้วยหน้าตาที่อัปลักษณ์และแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็ถูกเพลิงไฟเผาไหม้ไปสิ้น ราวกับสายลมที่พัดผ่านไปชั่วครู่ ความตายสีดำได้ถูกปกปิดไว้เพียงช่วงหนึ่ง ร่องรอยที่เหลือสร้างความระส่ำระสายให้กับชาวบ้าน แม้กระทั่งเหล่าราชวงศ์ที่มีสายเลือดอันสูงส่งก็ไม่ได้ต่างกันออกไป ทุกคนต่างเฝ้าสวดภาวนาให้หายนะนั้นจบสิ้นลง แต่ว่าท่านเอลีออนก็ไม่ได้แสดงอภินิหารสิ่งใดออกมา
พวกกลุ่มชนชั้นสูงในแต่ละประเทศต่างร้อนใจ โดยเฉพาะในคาลเพออนซึ่งเป็นที่รวมของชนชั้นสูงไว้จำนวนมากได้ตัดสินใจว่าจะต้องมีใครสักคนที่จะต้องคอยรักษากฎระเบียบเอาไว้ เหล่านักบวชเอลีออนได้ออกมายุยงว่าพวกบาเลนเซียนอกศาสนานำหายนะมาด้วยหินเวทมนตร์ที่เกิดจากการเล่นแร่แปรธาตุด้วยผลึกดำ ราชวงศ์กล่าวต่อว่าจะต้องครอบครองทะเลทรายสีดำที่มีผลึกดำเพื่อป้องกันหายนะ
และได้สัญญาว่าจะให้ค่าแรงที่ไม่เคยมีมาก่อนแก่ชนชั้นล่างที่เพิ่งจะเห็นค่าในแรงงานของตน เกิดการรวมตัวกันเป็นเหล่าพันธมิตรและเลือดก็เริ่มหลั่งไหลจากการทำสงครามอันยาวนานกับบาเลนเซีย
เป็นช่วงเวลายาวนานที่ไม่มีการสื่อสารต่อกัน ทำให้การพูดคุยกันระหว่างยามาญและมนุษย์ยากขึ้น แม้ว่าตอนนี้จะสามารถสื่อสารกันได้ แต่มันจะมีอะไรสำคัญมากไปกว่าการมีชีวิตรอด ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลหรือความคิดอะไรก็ตาม? ทั้งมนุษย์และพวกยามาญได้เข้ามาอาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินเดียวกันอีกครั้ง แล้วพวกไพร่พลที่ออกไปรบหรือพันธมิตรนั่นก็เป็นเพียงอดีตไป
ถ้าต้องการเบาะแสก็ต้องข้ามทะเลทรายสีดำไป แต่สถานที่แห่งนั้นมีทหารบาเลนเซียคอยเฝ้าระวังอยู่ ถ้าจะบอกว่าคอยระวังเชื้อเพลิงอยู่ ก็ดูจะเกินจำเป็น
ผลึกดำที่ขโมยมาได้มาถึงมือของเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุแห่งคาลเพออนแล้ว ในที่สุดก้ค้นพบสาเหตุที่ทำให้อาวุธแห่งเมเดียแข็งแกร่งขึ้นในเวลาอันสั้นแล้ว เรื่องที่เหล่าสาวกพูดถึงหินวิเศษนั้นเป็นเรื่องจริง ข่าวนี้แพร่กระจายออกไปถึงเคปรัน, ไฮเดล และโอลเบีย
ผู้คนต่างพากันออกตามหาผลึกดำ เคปรันเป็นผู้ที่เจอผลึกดำก่อนที่ภูเขาหิน แต่มีสิ่งแปลกปลอมผสมอยู่มาก จึงไม่ได้ส่งผลดีมากต่อการวิจัย แต่เมเดียก็ยังรับซื้อสิ่งนี้ในราคาแพง ถ้าจะละลายแร่เหล็ก ก็จำเป็นต้องใช้ความร้อนในระดับที่สูงมาก หลังสงครามบาเลเซียก็มีประกาศห้ามซื้อขายผลึกดำ
ต่อมาที่เซเรนเดียก็พบเจอผลึกดำบริเวณหนองน้ำ มีผู้ส่งข่าวว่าเศษหินที่เหล่านากาครอบครองอยู่คือผลึกดำ เพราะมีข่าวว่าเป็นผลึกดำที่มีความบริสุทธิ์สูง ทำให้เหล่านักการค้าเมเดียตามมาดูด้วยตาตนเอง คาลเพออนเองก็เริ่มกังวลใจ เพราะต่อให้ค้นจนทั่วดินแดนก็หาผลึกดำไม่พบ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปคาลเพออนที่เคยยิ่งใหญ่ จะต้องสูญเสียอำนาจเป็นอย่างแน่ แม้แต่เซเรนเดียยังหาผลึกดำพบ ปัญหาคือเหล่าผู้ยากไร้ การที่จะรวบรวมเหล่าประชากรที่เจ็บช้ำจากสงครามและการชิงทรัพย์จากเผ่ายามาญนั้น จำเป็นต้องใช้ค่าใช้จ่ายจำนวนมาก
กษัตริย์หนุ่มกาย เซริคนั้น เพื่อที่จะเตรียมการก็ได้ชักจูงเหล่าสาวกแห่งเอลีออนด้วยคำว่า ต้องการฟื้นฟูเอลีออนขึ้นมาอีกครั้ง และสัญญากับกลุ่มการค้าว่าจะให้ทหารรับใช้เพื่อต่อสู้กับกลุ่มการค้าเมเดีย สงครามเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ทุกอย่างเกิดขึ้นจากความละโมบ
แต่คำว่าพันธมิตรไม่มีอีกต่อไป ถ้าไม่มีกองกำลังอันแข็งแกร่งของไฮเดลช่วยสนับสนุน ก็คงจะไม่สามารถเอาชนะเมเดียที่เข้มแข็งได้ ทั้งๆ ที่คาดการณ์เช่นนั้นไว้ กาย เซริคก็ยังคงคิดที่จะมุ่งหน้ารวบรวมกองกำลังมหาศาลอยู่ดี ปัญหาก็คือค่าใช้จ่ายในการทำสงคราม ไม่มีความอดทนพอที่จะรอให้รวบรวมผลึกดำได้อีกต่อไป เรื่องที่ห้ามทำสุดท้ายกษัตริย์ก็ทำลงไป เพื่อจัดการค่าใช้จ่ายในการทำสงครามภาษีที่ไม่เคยมีก็เกิดขึ้น ชนชั้นล่างที่เพิ่งจะมีความมั่นคงก็เหมือนถูกฟ้าผ่า สถาบันเอลีออนเองก็ถูกเรียกเก็บภาษี เหล่าทหารชั้นสูงก็ตกอยู่ในอำนาจของกษัตริย์
ตำนานเซเรนเดีย
เหตุการณ์การล้มเลิกการร่วมขบวนเดินทางไปสงครามในครั้งนี้ ทำให้อำนาจของเหล่านักบวชตกอยู่ในอันตราย ทั้งๆ ที่คิดไว้ว่าจะสร้างโบสถ์ในระหว่างทางไปสงคราม ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดการณ์พวกเขาอาจจะเผยแพร่คำสอนของเอลีออนไปได้ถึงบาเลนเซียแท้ๆ เหล่าสาวกต่างประกาศเตือนคำกล่าวของคลูซีโอ และดาฮาร์ดเองก็ออกมาเกลี้ยกล่อม คลูซีโอตกอยู่ในสถานที่ต้องครุ่นคิดอย่างหนัก สงครามกับคาลเพออนนั้นเป็นเรื่องที่สมควรหลีกเลี่ยง ตามที่เหล่าทหารกองทัพไฮเดลว่า เหล่าผู้ติดตามเอลีออนนั้นมีมาก หลังจากคิดทบทวนมานานคลูซีโอก็ประกาศเข้าร่วมเพื่อเดินทางไปทำสงครามอีกครั้ง นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่เขาต้องเสี่ยงทั้งๆ ที่ไม่มีความมั่นใจ เบาะแสสุดท้ายก็คือ การเห็นชอบจากดาฮาร์ด ดาฮาร์ดนั้นประกาศก้องว่า ถ้าไม่อยากให้คนรุ่นหลังหัวเราะเยาะอย่างน้อยๆ ก็ต้องไปให้เห็นถึงปราสาทบาเลนเซีย การรวบรวมผู้คนเพื่อสงครามครั้งนี้ใช้เวลาร่วม 2 ปี
การเดินทางข้ามทะเลทรายสีดำนั้น กลายเป็นเรื่องที่คุ้นเคย จนโดมอนกัทท์แทบจะหลับตาเดินข้ามไปได้ง่ายๆ แต่โลกนี้ไม่มีอะไรง่ายๆ เพราะตั้งแต่เริ่มการเดินทัพพายุก็พัดมาจากเมเดีย กระแสน้ำเริ่มแปรทิศทาง ทะเลทรายนั้นยังอยู่อีกไกล เหล่าทหารมาตั้งค่ายอยู่ที่ด้านล่างของกำแพงปราสาท เพื่อเฝ้ารอลมที่จะพัดมา และหลังจากนั้นประมาณหนึ่งสัปดาห์ทิวทัศน์ของเมเดียถึงได้ปรากฏขึ้นให้เห็น
ขณะนั้นเองมีใครบางคนเห็นธงสีแดง แล้วตะโกนขึ้น มีธงสีแดงปักอยู่ที่อาณาเขตของบาเลนเซีย นั่นหมายความว่าเหล่าพันธมิตรเข้ามาที่ทะเลทรายสีดำแล้ว เหล่าสาวกแห่งเอลีออนที่เดินทางไปที่สนามรบต่องเริ่มสวดอ้อนวอน เวลานั้นผ่านไปเพียงไม่นานความมืดก็คลืบคลานเข้ามา พายุฝุ่นขนาดใหญ่ได้พัดเข้ามา คลูซีโอที่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งใต้โพรงทราย ดาฮาร์ดก็ไม่อยู่ที่นั่นแล้ว เมื่อได้เห็นว่าธงสีแดงล้มลงมาข้างๆ ก็รู้ได้ว่าฝ่ายบาเลนเซียนั้นเสียหายมากมาย
การเดินทางเพื่อไปรบ ? การมีชีวิตเหลือรอดอยู่นั้นสำคัญยิ่งกว่า เมฆดำคลืบคลานเข้ามาปกคลุมจากทั่วทุกทิศทางนั้นช่างไม่ปลอดภัย พายุฝุ่นยังคงพัดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เมื่อเดินมาต่อมาเรื่อยๆ ก็ถูกแม่น้ำเดมิที่มีขนาดใหญ่ขวางทาง หลังจากที่รออยู่เป็นเดือนปลายแม่น้ำก็เปิดออก และหลังจากที่เดินข้ามไปคลูซีโอก็เรียกสติกลับมาได้ เหล่าขณะเดินทางต่างผิดหวัง คณะนักบวชแห่งคาลเพออน ได้มอบรางวัลขนาดใหญ่ให้แก่เหล่าทหาร ชัยชนะอันใหญ่หลวงที่ทำให้บาเลนเซียไม่อาจลุกขึ้นมาได้ เหตุผลอะไรก็ได้ที่สามารถนำมาปลอบใจผู้ที่ประสบกับหายนะอันใหญ่หลวง โชคดีที่หายนะครั้งนี้ไม่ได้มีผลกระทบอะไรมากนักต่อปราสาทไฮเดล หรือที่ราบเซเรนเดีย แต่ทางตอนใต้มีหนองน้ำเพิ่มมากขึ้น
สงครามที่มนุษย์ไม่สามารถหยับยั้งได้ จบลงด้วยฝีมือของธรรมชาติ และแล้วความสงบก็เข้ามา กาย เซริคกษัตริย์หนุ่มก็ได้กลับมาครองบัลลังก์
และหลังจากที่ได้รับรายการว่าแท้จริงแล้วเศษหินที่พวกนากาถืออยู่ในมือคือผลึกดำ โดมอนกัทท์ก็เร่งเดินทางไปที่หนองน้ำทันที นี่จะเป็นกุญแจในการแก้ไขปัญหากับคาลเพออน แต่โดมอนกัทท์ที่น่าสงสาร ไม่สามารถเพียงที่จะเริ่มต้นทำอะไร
เพราะคาลเพออนเองก็ทำทุกวิถีทางเพื่อค้นหาผลึกดำ แต่ที่ดินแดนของคาลเพออนเองก็ไม่มีผลึกดำ แต่ทันทีที่ได้ยินข่าวลือว่ามีการค้นพบผลึกดำที่เหมืองหินเคปรันของเซเรนเดีย กษัตริย์หนุ่มกาย เซริคก็ไม่รอช้า
และแล้ว กาย เซริคก็ได้เปลี่ยนความคิดขึ้น เนื่องจากสิ่งที่เขาต้องการคือผลึกดำ จึงได้ทำสนธิสัญญาขึ้นมาและได้อ้างถึงการยุติสถานการณ์การนองเลือดนี้ ทำให้โดมอนกัทท์ลังเลใจอยู่ไม่น้อย แต่ตราบใดที่เขาไม่ยอมแพ้ โอกาสที่จะเป็นฝ่ายชนะก็สามารถมาเยือนได้ทุกเมื่อ ในที่สุดสนธิสัญญานี้ก็ถูกปรับใช้ตามข้อตกลงของโดมอนกัทท์ และมีระยะเวลายาวนานมากกว่า 1 ปี หลังจากนั้นโดมอนกัทท์ก็ถูกปล่อยตัวกลับมายังไฮเดล ซึ่งชาวไฮเดลเองก็เข้าใจการกระทำของเขาเป็นอย่างดี เขาได้สร้างศูนย์กลางขึ้นมาใหม่ที่บริเวณทุ่งหญ้าใกล้กับหอสังเกตการณ์ และคลิฟกับอาร์มสตรองที่ต้องย้ายค่ายไปยังภาคตะวันตกนั้น ก็เคารพต่อการตัดสินใจของโดมอนกัทท์เช่นกัน แต่ก็ยังมีบางคนที่รู้สึกกังวลและหวาดกลัวต่อการตัดสินใจนี้ แต่โดมอนกัทท์ก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะสิ่งที่ทำให้เขากังวลมากที่สุดในตอนนี้ คือการมองเห็นที่โรงสกัดคาลเพออนที่ถูกก่อตั้งขึ้นมาบริเวณหนองน้ำแห่งเซเรนเดีย และนั่นก็เป็นจังหวะเดียวกันกับการที่คลูซีโอเริ่มติดเชื้อโรคร้ายขึ้น
เพราะว่าในสมัยก่อนที่คนโบราณได้ก่อสร้างหอคอยแห่งความมุ่งมั่นขึ้น ก็มีเหตุการณ์ประหลาดแบบนี้เช่นเดียวกัน
ตำนานเมเดีย
และพวกศัตรูที่คอยเข้ามาบุกรุกเมเดีย ต่างก็ไม่คาดคิดว่าเมืองไร้กฏหมายอย่างเมเดียนั้น จะกลับมาแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้
ผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับหนังสือคาร์เทียนก็ไม่สามารถรับมือกับพลังนี้ไหว และต้องจบลงด้วยการสูญเสียสติไปตามๆ กัน ต่อมาได้มีการร่างหนังสือคาร์เทียนขึ้นมาใหม่ และผนึกหนังสือเล่มเดิมไว้ ผู้นำแต่ละคนได้ผนึกมนตราของตนเองไว้ที่หนังสือดังกล่าว เพื่อไม่ให้มีผู้ใดสามารถเปิดผนึกและนำพลังร้ายของหนังสือคาร์เทียนไปใช้สร้างความเสียหายได้อีก
ตำนานบาเลนเซีย
ผู้ผ่านความตายคนหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้น แล้วพาเด็กสาวคนหนึ่งไปที่ห้องหินโบราณ ทันใดนั้น ประตูทั้งหมดที่ถูกปิดตายก็เปิดออก ทุกคนล้วนคุกเข่าคำนับและพาดบันใดเพื่อเชื่อมต่อไปยังห้องหิน เมื่อมาถึงห้องที่เต็มเปี่ยมไปด้วยทองคำนานาชนิด เด็กสาวยื่นมือไปหยิบมงกุฏจากกองสมบัติเหล่านั้น และนับจากนั้นเป็นต้นมา ราชินีแห่งบาเลนเซียก็ได้ถือกำเนิดขึ้น นับเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี หลังจากสิ้นสุดราชวงศ์ของอีมูร์ เนเซล กษัตริย์บาเลนเซียองค์ที่ 4 จากนั้นมา ชาวบาเลนเซียทุกคนได้ใช้ชีวิตโดยลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอดีต ทั้งความตายสีดำที่ครอบงำทะเลทราย และนักสังหารอาร์คมานที่เป็นประวัติศาสตร์อันเลวร้ายของบาเลนเซีย..... #1 ปีศักราชเอลีออนที่ 233 ความบาดหมางระหว่างชนเผ่าอาร์คมานและราชวงศ์เนเซลเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ชนเผ่าอาร์คมานที่อยู่ในบาเลนเซียมาตั้งแต่อดีตต่างเรียกตนเองว่า <ผู้พิทักษ์อารยธรรมโบราณ> พวกเขาปะทะกับเหล่าราชวงศ์เรื่องห้องหินโบราณและวัตถุโบราณต่างๆ ที่ปรากกฏในทะเลทรายบาเลนเซีย ทำให้อีมูร์ เนเซล กษัตริย์บาเลนเซียองค์ที่ 4 ได้ประกาศคำสั่งให้รวบตัวเผ่าอาร์คมาน
และเมื่อเผ่าอาร์คมานถูกกำจัด หายนะอันยิ่งใหญ่ก็เข้ามากลืนกินแผ่นดินทิศตะวันตกทันที ความมืดสีดำที่มาจากกลุ่มการค้าบาเลนเซีย ทำให้กษัตริย์อีมูร์ต้องสูญเสียพระชายาอันเป็นที่รักไป ผู้คนต่างล่ำลือกันว่าการที่กษัตริย์อีมูร์ได้กำจัดเผ่าอาร์คมาน เป็นการทำให้เทพเจ้าโกรธแค้นจึงได้รับการลงโทษเช่นนี้ และผู้คนส่วนมากต่างมองว่าอีมูร์เป็นอสูรชั่วร้าย ทั้งๆ ที่บาเลนเซียใช้ก้อนหินสีดำและสร้างหายนะเหล่านี้ขึ้น นักบวชศาสนาเอลีออนแห่งคาลเพออน ต่างต้องการครอบครองทะเลทรายที่มีก้อนหินสีดำเหล่านี้ พร้อมกับอ้างว่าเป็นการทำเพื่อยุติหายนะทั้งปวง
ตำนานคามาซิลเวีย
พร้อมกับตั้งชื่อให้ต้นไม้นั้นว่า คามาซิลฟ์ เธอรับพลังงานของอาทิตย์และพระจันทร์ แล้วให้กำเนิดคาเนลและเวดิล ที่ได้รับคำอวยพรจากแสงสีเขียวของป่าและนางฟ้าฟัน
มิหนำซ้ำ ยังมีคำทำนายแห่งหายนะถัดไปว่า ป่าจะต้องถูกปกคลุมไปด้วยขี้เถ้าสีขาว ซึ่งสร้างความหวาดกลัวให้แก่ลูกหลานซิลเวียเป็นอย่างมาก และในตอนนั้นเอง เหล่าเวดิลได้ค้นพบพลังที่เหนือกว่าเหล่าวิญญาณแห่งความมืด หลังจากที่พยายามค้นหาพลังอันแข็งแกร่งอยู่นาน แต่ก็ไม่พบพลังใดที่อยู่เหนือพลังแห่งคามาซิลฟ์ได้เลย ทำให้มีหนึ่งในเวดิลเสนอแนวคิดที่จะเผาต้นคามาซิลฟ์ แล้วดูดซึมพลังที่ได้จากการมอดไหม้นั้น ซึ่งแนวคิดที่ว่าก็ดูเหมือนจะเริ่มเป็นจริงขึ้นมา ในที่สุดพลังแห่งคามาซิลฟ์ก็ถูกเผาไหม้และพลังแห่งชีวิตก็ปรากฏขึ้น ซึ่งพลังดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการทำลายล้างสูงกว่าพลังใดๆ สุดท้าย ก็ไม่มีใครสามารถปกป้องคามาซิลฟ์ไว้ได้ เหล่าลูกหลานคามาซิลฟ์ต่างโศกเศร้าเสียใจที่มารดาแห่งธรรมชาติต้องจบชีวิตลงอย่างน่าเสียดาย แต่ไม่นานบทเพลงแห่งป่าก็บรรเลงขึ้น ทำให้ธรรมชาติถูกฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้ง บทเพลงนี้แฝงไปด้วยท่วงทำนองแห่งการปลุกคามาซิลฟ์ให้ตื่นขึ้นจากการหลับใหล
เนื่องจากที่นั่นมีเหล่าหมีซาลูนอันดุร้ายและสื่อสารด้วยภาษาที่แตกต่าง แม้แต่อาฮีฟเองก็ยากที่จะสื่อสารและฝึกฝนหมีซาลูนที่มีร่างอันใหญ่โตและดวงตาที่เปล่งประกายท่ามกลางความมืด ทำให้เหล่าอาเคลตัดสินใจถอยทัพกลับมายังคามาซิลเวีย และมุ่งมั่นที่จะฟื้นฟูธรรมชาติให้กลับมายั่งยืนอีกครั้ง สุดท้ายพวกเขาก็ได้พบวิธีคืนชีพให้แก่คามาซิลฟ์ และในขณะเดียวกันก็ยังมีเวดิลบางส่วนที่หลงเหลืออยู่ในคามาซิลเวีย พวกเขาได้รับพลังจากคาเนล และเป็นผู้ที่ต่อต้านการกระทำอันเลวร้ายของเหล่าเวดิลอื่นๆ ทำให้พวกอาเคลตัดสินใจต้อนรับเวดิลพวกนี้ไว้ในดินแดนของตน
ตำนานดรีกัน
คำสาปของการฆ่ามังกรไม่ได้หายไปจาก ‘เซเรคาน’ พวกเขายังคงเตร็ดเตร่ไปตลอด เพื่อเชือดคอมังกร #1 ปีศักราชเอลีออนที่ 185
ในระหว่างที่เหล่านักรบเซเรคานต่างดิ้นรนต่อสู้ ก็มีผู้หนึ่งได้ออกมาเปิดเผยว่าหายนะในครั้งนี้ คือผลตอบแทนที่พวกเขาได้ใช้เลือดของมังกรในทางที่ผิด จุดจบของประวัติศาสตร์เซเรคานได้มาถึงแล้ว อาคุม หนึ่งในทายาทรุ่นหลังของเซเรคานผู้ปลิดชีพมังกร ได้ส่งมอบฟันของมังกรให้แก่คนรุ่นหลังก่อนที่เขาจะเสียชีวิต แล้วพูดว่า ‘จงฝังฟันมังกรนี้ไว้ในดิน และจงตั้งถิ่นฐานในที่ที่ฝนโปรยปรายลงมา’ และต่อมา ชาวเซเรคานรุ่นหลังก็ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้นำอาคุมอย่างเคร่งครัด
ตำนานภูเขาหิมะแห่งนิรันดร์
แต่พวกเธอก็ได้ตามหานักรบฤดูหนาวที่จะมาทำหน้าที่แทนตนเอง ก่อนที่พวกเธอจะสูญสลายหายไป ด้วยความที่พวกเธอไม่สามารถคงอยู่ไปตลอดกาลได้ นักรบผู้เอาชนะบททดสอบของแม่มดทั้งหก และขึ้นไปยืนอยู่บนยอดน้ำแข็งเพียงผู้เดียวเอ๋ย จงครอบครองอีนิกซ์ เปลวไฟโลกันตร์ที่สามารถแผดเผาได้แม้กระทั่งองค์เทพ ซึ่งเป็นสมบัติของท่านลาฟเรสก้าผู้ยิ่งใหญ่ แล้วเผชิญหน้าต่อต้านความมืดเสียเถิด จงมายังภูเขาหิมะแห่งนิรันดร์ สถานที่ที่ยุคโบราณหลับใหลอยู่เสีย... #1 ก่อนปีศักราชเอลีออน 4000 ปี